วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558

เกิดมาทำไม




โดย





เทพ สุนทรศารทูล



คำแนะนำ

                                                   
                 บทความเรื่อง "เกิดมาทำไม" นี้เขียนขึ้นเพื่อแสดงความ คิดเห็น(ทิฎฐิ) และความเชื่อ(ศรัทธา) ของตนเอง ข้อความอาจจะขัดแย้งกับทิฎฐิและศรัทธาของท่านผู้อื่นบ้างเป็นธรรมดา 

               แต่ขอเรียนว่าเขียนขึ้นจากการศีกษาค้นคว้า จากคำครูอาจารย์ทั้งสิ้น ข้าพเจ้าเคยเป็นเด็กวัดมาแล้วถึง ๒ วัด เคยบวชเณร บวชพระมาแล้ว  มีครูอาจารย์ที่อาจอ้างนามได้คือ 
       ๑.หลวงพ่อกร่าย วัดตาก้อง
       ๒. พระครูอุดรการบดี (หลวงพ่อศุข) วัดห้วยจระเข้
       ๓. หลวงพ่อแช่ม  วัดตาก้อง
       ๔. พระครูพรหมวิสุทธิ์ วัดทุ่งผักกูด 
       ๕. พระอาจารย์ปาน วัดห้วยจระเข้
       ๖.พระครูปฐมเจติยาภิบาล (ป่วน) วัดพระปฐมเจดีย์
       ๗. พระอาจารย์บุญ วัดห้วยจระเข้
       ๘.พระอาจารย์เฟื่อง วัดห้วยจระเข้
       ๙. พระราชธรรมาภรณ์(หลวงพ่อเงิน) วัดดอนยายหอม  เป็นพระอุปัชฌาชย์ 
       ๑๐. สมเด็จพระธีรญาณมุนี (สนิท  เขมจารี ป.๙) กระทำพิธีลาสิกขาให้ 
      ๑๑. พระราชสมุทรโมลี (สำรวย)  วัดเพชรสมุทรวรวิหาร
      ๑๒. พระราชวุฒาจารย์(ใจ) วัดเสด็จ
      ๑๓. หลวงพ่อเต๋ คงทอง  วัดสามง่าม
      ๑๔. พระธรรมธัชรัตนมุนีศรีธรรมราช วัดมหาธาตุ
      ๑๕. พระเทพสังวรณ์วิมล (เจียง) วัดเจริญสุขาราม 
    
       นอกจากนั้นยังได้อ่านหนังสือธรรมะต่างๆอีกมาก หนังสือของท่านพุทธทาสนั้นอ่านหมดทุกเล่ม  ประวัติพระอริยสงฆ์ก็อ่านมาเป็นอันมาก เช่นประวัติพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต, หลวงปู่แหวน สุจิณโณ, พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร, พระสุทธิรังสีคัมภีร์เมธาจารย์ (พระอาจารย์ลี),  หลวงปู่ขาว อนาลโย พระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดุลย์),พระราชพรหมยานเถระ, พระสุพรหมยานเถระ เมืองลำพูน เป็นต้น 

      เรียกว่าศึกษามามากทั้งหลักธรรมและชีวประวัติพระอริยสงฆ์ในเมืองไทย  รวมท้ังประวัติพระอรหันต์ในครั้งพุทธกาล 
      อ่านมามาก จนหล่อหลอมเป็นความรู้ ความคิด ความเชื่อในใจขึ้นมาเป็น "ธรรมารมณ์" จึงเขียนเรื่องนี้ขึ้น

     เมื่อได้อ่านได้ฟังใครพูดเรื่องพระพุทธศาสนาแล้ว อยากจะนั่งสนทนาด้วยทุกเรื่องไป   จึงได้เขียนบทความ เรื่องทางพระพุทธศาสนาไว้มาก  เรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับเรื่องพระพุทธศาสนา 

     ที่เขียนเรื่องนี้ขึี้น เพราะได้ฟังคนรุ่นใหม่ยุคนี้้แล้วเห็นว่าท่านเหล่านั้น  ไม่เชื่ออยู่หลายอย่างที่เป็นคำสอนในพระพุทธศาสนามาแต่โบราณ  คือ
๑. ไม่เชื่อชาติหน้า,ไม่เชื่อชาติก่อน, ไม่เชื่อนรก,ไม่เชื่อสวรรค์,
๒.ไม่เชื่อเรื่องบุญ,ไม่เชื่อเรื่องบาป,ไม่เชื่อเรื่องวิบากกรรม
๓.ไม่เชื่อเรื่องนิพพาน(ว่ามีอยู่ในโลกุตรภูมิ)
๔.ไม่เชื่อเรื่องผี, ไม่เชื่อเรื่องเทวดา
๕. ไม่เชื่อเรื่องพระนิพพาน (ว่ามีอยู่ในโลกุตรภูมิ)

     เรื่องไม่เชื่อชาติหน้า เรื่องตายแล้วสูญนี้ พระมหาบัว ญาณสัมปันโน พระอรหันต์แห่งวัดป่าบ้านตาด  ลูกศิษย์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต กล่าวว่า
"ความสำคัญว่า ตายแล้วสูญนี้แล เป็นภัยใหญ่และยืดเยื้อแก่สัตว์โลก ราวกับว่าเป็นผู้สิ้นหวังโดยประการท้ังปวง ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ เพราะอนาคตเป็นความหมดหวัง เหมือนหินหักครึ่งท่อนต่อกันให้ติดไม่ได้ จะเรียกว่า ผู้มีอนาคตอันกุดด้วย ก็ไม่น่าจะผิด...."

    ข้าพเจ้าเชื่อว่า คนที่ไม่เชื่อชาติหน้ามีมากขึ้นเพียงไร โลกาก็จะเกิดยุคเข็ญมากขึ้นเพียงนั้น แต่ถ้าคนเชื่อชาติหน้า โลกจะร่มเย็น ข้าพเจ้าจึงเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อบำรุงศรัทธาของตนและคนอื่นที่มีศรัทธาอย่างเดียวกัน  เป็นการสนทนาธรรมกันในหมู่คนศรัทธาอย่างเดียวกันเท่านั้น 
 









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น