วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2561

เพลงยาวแม่น้ำแม่กลอง (๑)



เพลงยาวแม่น้ำแม่กลอง 



                               ๐เพลงยาวแม่กลองคิดนิมิตรฝั

                                 เทพสุนทรศารทูลพุนประพันธ์
                                 เพื่อสืบวรรณคดีกวีพจน์
                                ๐ฝันว่าท่องเที่ยวเฟื่องเมืองแม่กลอง
                                  ได้ลอยล่องเหินฟ้าเห็นปรากฎ
                                  ชมแม่น้ำลำคลองล่องเลี้ยวลด
                                  แลเคี้ยวคดไปมาคู่อาราม
                                 ๐ ชมตำบลหมู่บ้านสถานถิ่น
                                   ชมแผ่นดินเขียวขจีศรีสยาม
                                   ชมเรือกสวนปรากฎอยู่งดงาม
                                   ชมทะเลสีครามผ่องอำไพ
                                  ๐ เกิดตาทิพย์เห็นได้ในประวัต
                                  เรืองจังหวัดแม่กลองอันผ่องใส
                                  รู้เรื่องราวเก่าก่อนย้อนไปไกล
                                  ดุจเทพไทดลจิตประสิทธี
                                  ๐จึงแต่งตามความฝันอันจรัส
                                   เล่าประวัติแม่กลองนทีศรี
                                   เป็นคำกลอนอ่อนหวานการกวี
                                   จะได้มีกลอนอยู่เป็นคู่เมือ
                                  ๐ หวังจะฝากชื่อไว้ในแผ่นดิน
                                  ได้มากินมาอยู่อย่างฟูเฟื่อ
                                   เป็นชั้นตรีโทเอกเอนกเมือง
                                   ถึงชั้นเขื่องพิเศษในเขตคาม
                                   ๐มาได้บุตรภรรยาเป็นราศรี
                                   เป็นนายแพทย์สตรีศรีสยาม
                                   มีเรือกสวนไร่นาราคางาม
                                   จึงมีความกตัญญูรู้คุณธรรม
                                   ๐จงฟังเรากล่าวกลอนสุนทรพจน์
                                   เพื่อยอยศแม่กลองทำนองร่ำ
                                   เพื่อภายหน้าปรากฎได้จดจำ
                                   เป็นลำนำแม่กลองนองนที




อุตตริมนัสสธรรม ของ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต ตอน อานิสงค์การสวดมนต์


อานิสงค์การสวดมนต์
คำเทศน์ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) 
     ในสมัยที่อาตมาเดินธุดงค์ในป่า ๑๕ ปี ใกล้ดงพญาไฟ ใกล้ชายแดนเขมร มีสิงสาราสัตว์ภูติผีวิญญาณ ผู้คนมีคุณไสยกันมากมายในชายแดนสยาม  อาตมาเดินธุดงค์ตามลำพัง ไม่ได้ใช้คาถาอาคมใดๆ นอกจาก  "พุทธัง สรณัง คัจฉามิ  ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ  ข้าพเจ้าขอยึดมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เจ้าเป็นที่พึ่ง"  ไปแห่งใดก็ใช้คำนี้เสมอ   อาตมาได้พบอานิสงค์ของการสวดมนต์ มีชาวบ้านชื่อนายผลได้มาสนทนาธรรมและบอกว่าเขาทำคุณไสยมา ๗ วัน ปล่อยตะขาบ ภูติพรายมาที่อาตมา เพื่อทดสอบคุณไสยของตน  แต่ไม่เป็นผล 
อาตมาก็ยืนยันว่าไม่ได้ศึกษาเวทย์มนต์คาถาใดๆ  และบอกนายผลว่า "ก่อนนอน อาตมาสวดคาถา 
"พุทธัง สรณัง คัจฉามิ  ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ แล้วแผ่ส่วนกุศลไปให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย อย่าให้มีความทุกข์กายทุกข์ใย อย่าได้มีเวรภัยแก่กันเลย  อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย" แล้วก็จำวัตร 

     นายผลได้ขอร้องให้อาตมาหยุดสวดมนต์ ขอทดสอบว่าอานิสงค์ของการสวดมนต์มีจริงหรือคาถาคุณไสยของนายผลเสื่อมไป  ขอรับรองว่าจะไม่ทำอันตรายใดใด เพียงตรวจสอบคุณไสยเท่านั้น 
   คืนนั้นอาตมาได้นอนจำวัตรไม่สวดมนต์ใดใด สักครู่ก็เห็นตะขาบตัวใหญ่ ด้วยสัณชาติญาณจึงกล่าวคำสวดมนต์ ด้วยจิตยึดมั่นในคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ตะขาบน้ันก็หายไป  
    รุ่งขึ้นนายผลได้เข้ามาพบอาตมา อาตมาบอกว่าสวดมนต์ไปด้วยสัณชาติญาณ  นายผลจึงได้เชื่อถือในอานิสงค์ของการสวดมนต์  อาตมาได้เล่าให้นายผลฟังว่า ระหว่างอาตมาสวดมนต์ เหล่าพรหมเทพเทวดาได้เข้ามาฟังการสวดมนต์ของอาตมา จึงได้รอดจากตะขาบนั้น  
      

วันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2561

เพลงยาวแม่น้ำแม่กลอง (เบิกโรง)


เบิกโรง

     ๐ เพลงยาวแม่กลองไหลนองฝั่ง       จะฝากฝังวัดงามอร่ามศรี
สองริมฝั่งแม่กลองนองนที                     วรรณคดีประวัติวัดโบราณ
๐ เป็นคำกลอนย้อนเก่ามาเล่าเรื่อง       อันรุ่งเรืองใหญ่โตรโหฐาน
เมื่อร้อยปีมีความตามตำนาน        ด้วยกลอนกานต์ร้อยกรองทำนองใน
๐ อ่านแล้วได้ความรู้ชื่นชูจิต                เกิดความคิดงอกงามตามสมัย 
ได้ศึกษาพระธรรมอันอำไพ                  อันสอดไว้ลึกล้ำในคำกลอน
๐ เป็นโบราณคดีไทยอันไพจิตร           เป็นนิมิตรในภวังค์วิสังหรณ์
กวีวรรณพรรณาด้วยอาวรณ์                  น่านั่งนอนอ่านเพลินเจริญใจ
๐ อ่านเพลงยาวแม่กลองทำนองฝัน     จะสุขสันต์ในจิตพิศมัย 
เกิดพลังชีวิตสนิทใจ                             จิตฝันใฝ่ในธรมดื่มด่ำทรวง

เพลงยาวแม่น้ำแม่กลอง ( วัดอัมพวัน)



เพลงยาวแม่น้ำแม่กลอง 



     ๐ ชื่อว่าวัดอัมพวันสำคัญกระไร         แต่ก่อนไกลมีนามวัดอัมพวา
     เป็นวัดหลวงแต่เดิมเริ่มประวัติ          แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ศรีสง่า
     เศรษฐีส้ันสร้างวัดด้วยศรัทธา           เรียกกันว่าอัมพวาดังว่าแล้ว 
     มีธิดาสาวศรีมีวาสนา                         พระอมรินทรายอดนางแก้ว
     ช่วยสร้างโบสถ์หลังใหม่เสียให้แล้ว  เพื่อผ่องแผ้วมรรคผลแก่ชนนี
     ตรงนิวาสถานที่บ้านเดิม                    เพื่อเพิ่มพูนบุญญาสง่าศรี 
     หลวงยกกระบัตรทองด้วยผู้ดวงดี      ปลูกบ้านที่ริมลำน้ำแม่กลอง 
     สถานที่ประสูติพระบุตรา                    พระเลิศหล้าจักรีองค์ที่สอง
     เจ้าฟ้าหญิงบุญรอดผู้เรืองรอง       พระพี่น้องสองกษัตริย์อัศจรรย์  
     มาสมภพตรงนี้เป็นที่เลือก           เหมือนช้างเผือกเกิดมาในป่านั่น 
    มารดาพระจอมเกล้าเจ้าชีวัน          พระปิ่นเกล้าเจ้าสวรรค์วงศ์จักรี
     พระนั่งเกล้าเจ้าสยามจึงตามสร้าง องค์พระปรางค์สวยงามอร่ามศรี
    สร้างวิหาร*พระบาทโบราณมี         ทั้งกุฎีเสนาสน์สะอาดตา
    พระราชทานพระนามอารามนั้น        วัดอัมพวันเจติยารามงามสง่า
    ตั้งพระวินัยธรรมแห่นำมา             เป็นเจ้าอารามหลวงโชติช่วงไกล
    พระวินัยธรรมชีเป็นที่ขรัว              เดิมชื่อบัวเบิกบานโบราณสมัย 
    เทศน์ไพเราะจับจิตคนติดใจ     คนเลื่อมใสตลอดลำแม่น้ำแม่กลอง
    ดำเนินความตามหลังพระนั่งเกล้า ที่ทรงเข้าธัมโมพระโพธิสัตว์  
    บำเพ็ญพระบารมีเพื่อชี้ชัด             จะได้ตรัสธัมโมโพธิญาณ
    พระวินัยธรรมบัวเป็นหัวหน้า          สร้างวัดวามากมายหลายสถาน
   วัดอัมพวันเจติยารามงามตระการ  ใครไม่ปานเปรียบได้สมัยน้ัน 
    วัดดีก็เป็นศรีสง่าบ้าน                    เพราะสมภารดีจริงเป็นมิ่งขวัญ
    เจ้านายก็อุปถัมภ์เป็นสำคัญ          ชาวบ้านน้ันชื่นชมนิยมยก
    สิ้นสมัยวินัยธรรมก็ต่ำต้อย             วัดไม่ค่อยลือชาชะตาตก
    พระจอมเกล้าเข้าประคองช่วยย่องยก มิให้รกร้างทำวัดสำคัญ
    ซ่อมอุโบสถแต่งกำแพงแก้ว  ค่อยผ่องแผ้วเลื่อมพร้อมขึ้นหน่อยนั่น
    เฉลิมพระนามผู้สร้างแต่ปางบรรพ์  ขึ้นเป็นชั้นสมเด็จสำเร็จนาม
    คือสมเด็จพระรูปศิริโสภาคย์           มหานาคนารีศรีสยาม
    ผู้สร้างวัดเดิมเฉลิมนาม                  พระอารามค่อยดีราศีทรง
    แต่ต่อมาไม่ช้าก็พาเศร้า                 เพราะขาดเจ้าสมภารสามารถส่ง
    วัดที่เคยงดงามก็ทรามลง               เมื่อขาดองค์อธิการสมภารดี 
    พระปิยมหาราชประพาศต้น            ชมวัดต้นตระกูลจักรีศรี
   เห็นอารามรกเรื้ออยู่เหลือดี              ก็ทรงมีพระนิพนธ์บ่นอาลัย 
   ว่าเป็นวัดต้นวงศ์พงศ์ประยูร             แห่งตระกูลจักรีศรีสมัย
    ราชินีกุลบางช้างทรงสร้างไว้           จะปล่อยให้ร้างไปไม่บังควร
   จึงทรงถวายเงินตราห้าสิบชั่ง            ซึ่งในครั้งนั้นหากมากถนัด
    บำรุงวัดหลวงนี้โดยชี้ชัด                  แล้วให้จัดตั้งท่านสมภารมา 
    พระมหาสิทธิการวัดบ้านแหลม        มาซ่อมแซมวัดนี้ให้มีหน้า
    พระมหาสมณเจ้าก็เข้ามา                 ประทานศาลาธรรมวัดอัมพวัน
    คือพระตำหนักเก่าของเจ้านาย         พระองค์ชายโตยิ่งเป็นมิ่งขวัญ
    กรมหลวงมหิศรวรินทรา*นั้น               สืบพงศ์พันธุ์ต่อมามหากุล 
    เจ้าของวังท่านถวายวัดบวร               ให้รื้อถอนวังเก่าเข้ามาหนุน
   มาปลูกวัดอัมพวันหมายมั่นบุญ           เพื่อค้ำจุนวัดวาราชินี
   นับแต่ศกหนึ่งศูนย์พูนสวัสดิ์                ชะตาวัดอัมพวามีราศ๊
   พระบรมราชานุสาวรีย์                         บังเกิดมีประจำวัดอัมพวัน
    คือพระพุทธเลิศหล้ามหากษัตริย์       ซึ่งอุบัติเกิดทางบางช้างนั่น
    เมื่อสองร้อยปีกว่าต่อมานั้น                คือที่วัดอัมพวันสำคัญนี้
    เทพจึงดลใจเรามาเข้าฝัน                  เสนอท่านเจ้าเมืองผู้เรืองศรี
   ให้สร้างพระราชานุสาวรีย์                    ขึ้นไว้ที่บ้านเมืองสืบเนื่องไป
    ท่านเจ้าเมืองไม่เห็นจำเป็นสร้าง        เรื่องจึงค้างเขินผ่านกาลสมัย
    จนเจ้าเมืองคนก่อนย้ายจรไป           เจ้าเมืองใหม่เข้ามาศูนย์ห้านั้น
    คร้ันถึงปีศูนย์ศกพระศกหมุน              ให้เจ้าคุณวัดอัมพวันนั่น
    ขอแรงเราเขียนประวัติวัดสำคัญ         แจกในวัดทอดกฐินดั่งจินตนา
    เราจึงเขียนประวัติของวัดนี้                เป็นวัดที่พระพุทธเลิศหล้า
    แผ่นดินอันอุบัติกษัตรา                      ควรสร้างพระราชานุสาวรีย์
    เราภาคเพียรเขียนประวัติของวัดหวัง จะปลูกฝังชวนชักเป็นศักดิ์ศรี
    ให้สร้างพระบรมรูปพระจักรี                ให้เป็นศรีสง่าเมืองรุ่งเรืองตา
    วัดจึงมีช่องสบพบโอกาส       ขอพระราชทานอนุญาตสมปรารถนา
    แล้วหล่อรูปกษัตริย์ขัตติยา               อัญเชิญมาประจำวัดอัมพวัน
    นับแต่ปีหนึ่งศูนย์พูนสวัสดิ์              จึงมีรูปจอมกษัตริย์เป็นมิ่งขวัญ
    ประดิษฐานประจำเป็นสำคัญ            แผ่นดินอันอุบัติกษัตรา
    วัดหลวงนี้จึงมีราชานุสรณ์                ข่าวขจรรู้รั่วกันทั่วหน้า 
    เพราะเราเริ่มกล่าวโจษโฆษณา        ก่อนผู้ใดใครมาในแผ่นดิน
    วัดอัมพวันเป็นวัดกษัตริย์สร้าง          คู่บางช้างชื่นชวนควรถวิล
    เมืองกำเนิดเกิดเกล้าเจ้าแผ่นดิน      ควรยลยินเรื่องราวกล่าวขจร 
    เมืองกำเนิดเกิดกายเจ้านายหญิง     เป็นพระมิ่งมเหสีสตรีใหญ่
    สมเด็จพระอมรินทร์ได้ยินไกล          เป็นต้นใบสืบศักดิ์วงศ์จักรี
    เมืองประทับกษัตราผู้สามารถ     พระพุทธยอดฟ้ามหาราชมีศักดิ์ศรี
    สมัยเป็นยกกระบัตรจังหวัดนี้            เป็นเมืองทึ่ตั้งตนคนสำคัญ
    เมืองกำเนิดเอกอัครนักกวี                กษัตริย์ศรีลือนามสยามนั่น
    พระพุทธเลิศหล้าที่สองนั้น              ผู้สืบสันติวงศ์ดำรงไทย
    เมืองกำเนิดยอดหญิงมิ่งมเหสี          กรมพระศรีสุริเยนผู้ยิ่งใหญ่
    มารดาพระจอมเกล้าเจ้าราไชย        พระปิ่นเกล้าเจ้าสมัยสองราชา 
    พระอารามหลวงใหญ่ในจังหวัด       อันเป็นวัดหลวงดีมีสง่า
    วัดประวัติศาสตร์อันสำคัญมา           ควรรักษาวัดวาให้ถาวร 
    เมื่อพ.ศ.สองพันห้าร้อยเอ็ด              พระ**เสด็จเมืองดีศรีสยาม
    วัดอัมพวันเจดีย์เป็นศรีนาม             เมืองสมุทรสงครามเมื่อยามนั้น 
    มาทอดกฐินต้นเป็นหนเริ่ม            เป็นประเดิมวัดตระกูลประยูรขวัญ
    เสด็จโดยทางน้ำเป็นสำคัญ             จากราชบุรีน้ันโดยนาวา
    ประชาชนหลั่งไหลกันไปเฝ้า            องค์พระเจ้าอยู่หัวกันทั่วหน้า
    ดูผู้คนล้นขนัดแน่นวัดวา             เหมือนนกกาเนืองแน่นบนแผ่นดิน
    ในน้ำจอดนาวากันคลาคล่ำ            จนแม่น้ำกว้างใหญ่แน่นไปสิ้น
    คนแม่กลองขนมาท้ังธานินทร์        บนแผ่นดินท้องน้ำคลาคล่ำไป
    อากาศก็เยือกเย็นเป็นนิมตร           เมฆก็ปิดสุริยาหาร้อนไม่
    พระพิรุณพรมพรำชื่นฉ่ำใจ              ฝนเป็นฝอยย้อยในพระอาราม    ทรงปลูกโพธิพุทธคยาไว้หน้าโบสถ์ เหมือนฟ้าโปรดรักษาพฤกษา                                                               สยาม
    ปัจจุบันต้นโพธิก็โตงาม                   ร่มอารามวัดอัมพวันเป็นขวัญใจ
    สมเด็จพระราชินีก็ลีลา                   ปลูกพฤกษาจันผลแทนต้นใหญ่
    ตรงต้นเก่าที่ตายทำลายไป            ซึ่งอยู่ใกล้บ้านพักตำหนักเดิม 
    พระเสด็จคร้ังนี้เป็นที่ชื่น           เหมือนช่วยฟื้นพลิกวัดกษัตรย์เฉลิม
    ช่วยพยุงสูงถนอมเป็นจอมเจิม     ช่วยแต่งเติมวัดน้ันให้มั่นคง
    ศกสองห้าศูนย์เก้าเจ้าอาวาส        รับพระราชโองการมานประสงค์
    หล่อพระพุทธเลิศหล้ามาดำรง      ประดิษฐ์องค์ท่านไว้ในลานวัด
    แผ่นดินที่พระองค์ทรงสมภพ         มาบรรจบครบปีศรีสวัสดิ์
    สองร้อยปีเกิดมาในป่าชัฎ           เป็นกษัตริย์ครองเมืองเขื่องสำคัญ
    คร้ันถึงศกสองพันห้าร้อยสิบ          คนจึงหยิบเรื่องราวที่กล่าวขวัญ
    สองร้อยปีสมภพมาครบครัน          จึงจัดวันเฉลิมฉลองผ่องอำไพ
    ยี่สิบสี่กุมภามหาฤกษ์                     เอิกเกริกเบิกบานจัดงานใหญ่
    จัดงานวัดอัมพวันแห่งน้้นไซร้         ทั้งจีนไทยมโหฬารร่วมงานกัน
    งานพระพุทธเลิศหล้านภาลัย          งานยิ่งใหญ่พูนเพิ่มเฉลิมขวัญ
    ยังชื่นใจปลามปลื้มไม่ลืมกัน           คนท้ังนั้นร่วมงานเบิกบานใจ
    เราก็ได้เกี่ยวข้องฉลองเฉลิม          ช่วยพูนเพิ่มบารมีศรีสมัย
    กรรมการทำประวัติกษัตริย์ไทย      พระเลิศหล้านภาลัยฉลองงาน
    เอกสารทุกอย่างคร้ังกระนั้น      เราประพันธ์พร้อมพรักเป็นหลักฐาน
    เผยแพร่พระบุญญากฤษดาการ      พระผู้ผ่านฟ้ากลับไปลับแล้ว
    ชรอยในสมัยพระเลิศหล้า            เราเกิดเป็นข้าจอมกระหม่อมแก้ว
    จึงเกิดในชาตินี้มีวี่แวว                    จึงไม่แคล้วรองบาทประหลาดดี






   
    
        
   
    
    

    
             




เพลงยาวแม่่ำน้ำแม่กลอง (วัดบ้านแแหลม)




๐ อันวัดบ้านแหลมนี้มีประวัติ
           ประจักษ์ชัดใจเราจึงเล่าขาน
สร้างสมัยอยุธยามาช้านาน              แต่โบราณชื่อมีศรีจำปา
แต่ร่วงโรยรกร้างในปางหลัง            เป็นป่าบังปึกแผ่นไม่แน่นหน
พม่าตีกรุงศรีอยุธยา                         คนก็พาอพยพมาหลบภัย
พวกบ้านแหลมเพชรบุรีหนีมาอยู่     จึงเรียกหมู่บ้านนามตามสมัย
เรียกบ้านแหลมเวลาใครมาไป         วัดจึงใช้ชื่อบ้านโบราณนั้น
บ้านแหลมใกล้ปากอ่าวชาวประมง   พากันลงลากอวนทั้วถ้วนนั่น
ออกไปลากปากอ่าวคราวสำคัญ       อวนไปพันพระทองมาสององค์
องค์หนึ่งเป็นพระนั่งค่อนข้างย่อม     จึงยินยอมยกให้ใจประสงค์
แก่ญาติชาวเขาตะเคราเป็นเผ่าพงศ์ ไปไว้ตรงวัดเขาตะเครานั้น
กลายเป็นพระศักดิ์สิทธิ์สัมฤทธิ์ผล   ใครบวงบนก็สมอารมณ์มั่น
ผู้คนเล่าขานมานานครัน                   จนทุกวันนี้ชื่อก็ลือชา

๐อีกองค์หนึ่งอุ้มบาตรขนาดใหญ่     นำมาไว้บ้านแหลมแอร่มหน้า
วัดบ้านแหลมมีพระปฎิมา                 จึงเรียกว่าหลวงพ่อบ้านแหลมกัน
ต้ังแต่ได้หลวงพ่อบริสุทธิ์                 เป็นพระพุทธศักดิ์สิทธิ์สถิตย์มั่น
วัดหลวงพ่อริมน้ำค่อยสำคัญ            ผู้คนหมั่นบูชามาทุกปี
เมื่อหลวงพ่อมาครองก็ผ่องผุด         สมัยพระพุทธยอดฟ้าสง่าศรี
จนแผ่นดินจอมเกล้าเจ้าธานี             นับได้สี่รัชกาลที่ผ่านไป
รัชกาลที่ห้ามีสาเหตุ                         เกิดภัยเภทลุกลามเกิดความไข
มีโรคห่าระบาดอนาถใจ                    ทั้งจีนไทยตายกันนับพันคน
ลุ่มแม่น้ำแม่กลองทุกคลองลัด         ก็เงียบเหงาเศร้าสงัดทุกแห่งหน
ตายเช้าสายบ่ายค่ำทุกตำบล           ลอยมาในสายชลไม่เว้นวัน
พระสนิทสมณคุณนอนครุ่นคิด         หลับสนิทในยามสามสงัด
ฝันเห็นหลวงพ่อใหญ่ในมนัส           โดยแจ่มชัดบอกยาตำราดี
ให้ไปจดคาถาหัตถ์ขวาซ้าย             อยู่ที่กายปฎิมาสง่าศรี
มีแปดคำคาถาสุวาที                        เสกวารีอาบกินโรคสิ้นแล
ครั้นสิ้นฝันเท่านั้นก็พลันตื่น              ยังสดชื่นแจ่มใสในกระแส
ยังจำได้แม่นมั่นไม่ผันแปร                หลวงพ่อแก่เข้าฝันสำคัญนัก
สมภารวัดบ้านแหลมเห็นแจ่มแจ้ง     จึงจัดแจงผลุดลุกขึ้นกุกกัก
จุดเทียนไขไปสะกิดเจ้าศิษย์รัก        เข้าไปผลักบานประตูโบสถ์ดเอาเทียนส่องมองหัตถ์เห็นชัดเนต         ดั่งเทเวศร์ปาฎิหารย์บรรดาลฝัน
เห็นคาถาแปดคำเป็นสำคัญ              ขนลุกชันจดจำซึ่งคำพระ
เอามาทำน้ำมนต์ให้คนอาบ              กินแล้วราบคาบโรคโศกสละ
ป่วยก็หายไข้หล่นเหมือนฝนชะ        ด้วยเดชะพุทธมนต์ชอบกลจัง
ใครได้อาบน้ำมนต์ทุกคนผู้               ที่ป่วยอยู่ก็ฟื้นลุกขึ้นนั่ง
ว่าเห็นพระผู้เฒ่าเล่าให้ฟัง                ท่านมาหลั่งน้ำมนต์ด้วยตนเอ

๐ พระคาถาศักดิ์สิทธิ์มีฤทธิ์รุทธ        พวกชาวพุทธศรัทธาเป็นราศี
ยามทุกข์โศกโรคามายายี                 คาถามีเป็นภาวนามัย
พระคาถาท่านมีอย่างนี้นะ ว่า            "นะ มะ ระ อะ"มตะสาร
"นะ เท วะ อะ" พระอวตาร                  พระนิพพานเบื้องบนดลพระทัย





เพลงยาวแม่น้ำแม่กลอง






เพลงยาวแม่น้ำแม่กลอง

"เพลงยาวแม่น้ำแม่กลอง" นี้ลงพิมพ์คร้ังแรกในหนังสือ "มานวสาร" วารสารรายเดือนของชุมนุมนักเรียนเก่าโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อมกราคม พ.ศ.๒๕๓๓ ,จัดพิมพ์เป็นเล่มคร้ังแรก พ.ศ. ๒๕๑๕ จัดพิมพ์ครั้งที่ ๓ พ.ศ.๒๕๕๖
๐ เรื่องเพลงยาวแม่กลองที่นองไหล เคยแต่งไว้นานปียังดีเฉย
หม่อมหลวงปิ่น มาลากุลเหมือนคุ้นเคย ก็อ้างเอ่ยท่านได้ไปแม่กลอง
ชมวัดวาอารามอร่ามเนตร เที่ยวประเวศเมืองดีไม่มีสอ
วัดภุมรินทร์ที่มีกุฎีทอง วัดดาวดึงส์ในคลองอันสำคัญ
สองพันสี่ร้อยกลอนกระฉ่อนฉาว เป็นเพลงยาวกล่าวเรื่องเมืองสวรรค์
เมืองกำเนิดเกิดเกล้าเจ้าชีวัน พระราชันเอกอัครนักกวี
ผมจะส่งมาให้เอาไหมเล่า เรียนถามเจ้านายดูคงรู้ที่
เดือนละสี่หน้าลงคงจะดี สักสองปีก็จบครบนิพนธ์
ขอรับรองว่าไม่ไร้สาระ ผู้คนจะยิ้มแฉ่งทุกแห่งหน
ถ้ารับพิมพ์ก็ตอบให้ชอบกล ผมจะขนมาท่าวาสุกรี
อันบทกลอนดีดีก็มีอยู่ แต่ก็รู้สึกเกรงยำเยงพี่
มานวสารงานครูช้ันผู้ดี บทกวียาวยาวจะเอาไม้
เทพ สุนทรศารทูล"

"กลอนคุณเทพเสพสมยามลมพัด
หวานสะบัดสบายจิตติดรูหู
ท่านผู้อ่านวานวอน "สุนทร" ครู
โปรดเปิดตู้ขนมาวาสุกรี
บัว ศจิเสวี
บ.ก. มานวสาร