วันเสาร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2561

ปุจฉาวิสัชนาปริศนาพุทธธรรม (ปัญหาของศุภมานพ)


ปุจฉาวิสัชนา
ปริศนาพุทธธรรม

                                                 ปุจฉา

     ศุภมานพ บุตรโตเทยยพราหมณ์ ปุโรหิตของพระเจ้าพิมพิสารที่ตายไปแล้วมาเกิดเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน พระพุทธองค์เสด็จมาโปรดถึงบ้าน เมื่อมาถึงพระพุทธองค์ก็ทรงถามว่า เธอจะตั้งปัญหา ๑๔ ข้อใช่ไหม  ศุภมานพจึงศรัทธาว่าทรงทราบเสียก่อน ดังนี้ 
     ๑. เหตุใดบางคนจึงอายุส้ัน บางคนจึงอายุยืน
     ๒. เหตุใดบางคนจึงโรคมาก บางคนจึงมีโรคน้อย 
     ๓. เหตุใดบางคนจึงมีรูปงาม บางคนมีรูปทราม
     ๔. เหตุใดบางคนจึงมีบุญวาสนามาก บางคนบุญวาสนาน้อย
     ๕. เหตุใดบางคนจึงร่ำรวย บางคนยากจน
     ๖. เหตุใดบางคนจึงเกิดในตระกูลต่ำ บางคนเกิดในตระกูลสูง
     ๗. เหตุใดบางคนจึงมีปัญญาทราม บางคนมีปัญญามาก 

                                                วิสัชนา

      พระบรมศาสดาตรัสว่า มีเหตุผลมาจากวิบากกรรมที่คนได้กระทำมาแต่ชาติปางก่อน  เป็นอิทัปปัจจยาตาปฎิจจจสมุปบาท คือปัจจัยปรุงแต่งสืบเนื่องไปไม่สิ้นสุด มีผลข้ามภพข้ามชาติ   ดังสรุปความดังนี้คือ 
     ๑. คนอายุสั้น เพราะฆ่าสัตว์ตัดชีวิต อายุยืนเพราะเมตตา ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต 
     ๒. คนมีโรคมาก เพราะประทุษร้าย ทุบตึเบียดเบียนสัตว์  คนมีโรคน้อยเพราะมีเมตตา ไม่ประทุษร้าย ไม่เบียดเบียนสัตว์
     ๓. คนมีรูปงามเพราะไม่ถือโกรธแค้น ไม่อาฆาตพยาบาท คนมีรูปทรามเพราะมักโกรธแค้น พยาบาท
     ๔. คนมีบุญวาสนามาก เพราะไม่มีจิตริษยา คนมีวาสนาน้อยเพราะมีจิตอิจฉาริษยา
     ๕. คนร่ำรวยเพราะเอื้อเฟื้อเจือจานบริจาค คนยากจนเพราะไม่เอื้อเฟื้อเจือจานบริจาค
     ๖. คนที่เกิดในตระกูลต่ำ เพราะกระด้างถือตัว  ไม่รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน คนที่เกิดในตระกูลสูง เพราะไม่กระด้างถือตัว รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน 
    ๗. คนมีปัญญาทราม เพราะไม่ไต่ถามแสวงหาความรู้จากบัณฑิต  คนมีปัญญามาก เพราะรู้จักไต่ถามแสวงหาความรู้จากบัณฑิต 


วันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2561

เพลงยาวแม่น้ำแม่กลอง ( วัดบางกุ้ง)

เพลงยาวแม่น้ำแม่กลอง

     จากบางพลับเหาะคว้างมาบางกุ้ง      ค่ายรบพุ่งกันกับทัพพม่า
ทัพพระเจ้าตากสินได้ยินมา                    มาตีข้าศึกกว่าสองร้อยปี
เคยมีค่ายทหารโบราณตั้ง                      สมัยครั้งอยุธยาสง่าศรี
มีวัดตั้งกลางค่ายถึงร้ายดี                       ทหารมีมิ่งขวัญค่อยมั่นใจ
ค่ายบางกุ้งแห่งนี้มีอาราม                       สองวัดงามคู่กันอยู่ด้านใต้
ท่านเศรษฐีบางกุ้งหมายมุ่งไกล             สร้างวัดให้มิ่งขวัญภรรยา
มีสองวัดตั้งชิดติดขนาน                     วัดด้านเหนือไซร้โบสถ์ใหญ่กว่า
อุทิศให้มิ่งขวัญเอกภรรยา                   จึงเรียกว่าบางกุ้งใหญ่แต่ไรนั้น
วัดด้านใต้โบสถ์น้อยไม่ค่อยใหญ่     ท่านสร้างให้ยอดหญิงแม่มิ่งขวัญ
ภรรยาคนเล็กยังเด็กครัน                 จึงเรียกกันบางกุ้งน้อยแม่กลอยใจ
วัดบางกุ้งทั้งคู่ตั้งอยู่ชิด                     มีคลองกั้นกันทิศทางด้านใต้
ยังมีวัดหนึ่งตั้งอยู่ข้างใน                    ลึกเข้าไปหลังค่ายที่หมายเดิม
มีอาจารย์องค์ขลังในครั้งน้ัน              แจกผ้ายันต์กันศึกอยู่ฮึกเหิม
แจกตะกรุดพิศมรซ้ำซ้อนเติม       เพื่อเพิ่มพูนขวัญทหารชาญสงคราม
อันวัดกลางกลางค่ายในครั้งนั้น      จึงเรียกกันวัดกลางอย่างสนาม
นับเป็นวัดขึ้นชื่อเลื่องลือนาม        คนเกรงขามลือเลื่องทางเครื่องลาง
เมื่อพม่ามาตีกรุงศรีแตก                จนกรุงแหลกลาญเหมือนแผ้วถาง
ค่ายบางกุ้งก็ยับถึงอับปาง              ถึงวัดกลางร้างไปไม่ได้ยิน 
เหลือแต่ซากกองอิฐอยู่ติดดิน       เศษพังภินเหลือหลงของสงคราม
สู้จนชีพวายวางกลางอาราม          ไม่มีนามแฝงไว้ให้ใครยก 
ไม่มีชื่อลือชาให้สาธก                    ให้เขายกย่องอย่างบางระจัน 
เพราะบางกุ้งกรุงไกรห่างไกลลับ   เรื่องจึงลับลี้เขาไม่กล่าวขวัญ 
พระราชพงศาวดารเนิ่นนานครัน     นักปราชญ์ทั่นไม่รูํเพราะอยู่ไกล 
วัดกลางค่ายภายหลังก็ร้างรก        คนไม่ยกชูเชิดขึ้นเปิดเผย
ไม่มีใครไหนเขากล่าวภิเปรย         เพราะไม่เคยรู้เรื่องเบื้องโบราณ
พระเจ้าตากสามารถกู้ชาติได้        จึงโปรดให้พวกจึนถิ่นสถาน
ลุ่มแม่กลองท่าจีนเป็นถิ่นธาร        คุมทหารจึนมารักษาไว้
จึงเรียกค่ายทหารโบราณถิ่น          ว่าค่ายจึนบางกุ้งที่คุ้งใหญ่
ทหารจีนอยู่นั่นไม่ทันไร                ก็มีไฟสงครามมาถามรุก
ทัพพม่าสองพันก็มั่นหมาย           มาล้อมค่ายบางกุ้งมุ่งจะบุก
ทหารจึนก็ต้ังเข้านั่งลุก                 รบกันทุกวันมาไม่ช้าที
ทั้งสะเบียงอาหารก็พาลหมด        จวนจะอดตายอยู่ไม่รู้ที่
กรมการบ้านเมืองรู้เรื่องนี้              บอกไปที่กรุงไกรช่วยได้ทัน
พระเจ้ากรุงธนบุรีมีฤทธา               ให้พระมหามนตรีมาตีนั่น
ทรงคุมทัพมาด้วยได้ช่วยกัน         ในคืนนั้นที่ได้ข่าวไพรี
สั่งแม่ทัพหน้าผู้กล้าแกล้ว             ขุนพลแก้วองอาจดังราชสีห์
ตำรวจใหญ่ที่พระมหามนตรี          เข้าโจมตีทัพพม่าไม่ช้าพลัน
ทหารไทยไล่พม่าพวกข้าศึก        อึกทึกกึกก้องท้องน้ำนั่น
พวกพม่าถูกฆ่ามากกว่าพัน          ทรากศพนั้นลอยแพในแม่กลอง
ค่ายบางกุ้งเป็นแดนแสนประหลาด ประวัติศาสตร์มาย้ำซ้ำเป็นสอง
เกิดรบราฆ่าฟันเลือดน้ันนอง       เราก็มองแลเห็นความเป็นไป

     ๐ ศกสองห้าสิบเอ็ดก็เสร็จสร่าง ค่ายที่ร้างก็ฟื้นกลับคืนขวัญ
อภัย จันทวิมลคนสำคัญ             ท่านบุกบั่นบางกุ้งมุ่งมาชม
ให้สร้างค่ายเล็กเล็กให้เด็กชม   เพื่ออบรมลูกเสือชาติเชื้อไทย
วัดบางกุ้งน้ันทุกวันนี้                  จึงกลับมีชีวาขึ้นมาใหม่
เราก็ได้ช่วยสร้างโดยตั้งใจ        หาเงินได้กว่าแสนทดแทนเมือง
เรารู้เรื่องเจ้าตากที่บากบั่น         ไล่ฆ่าฟันพวกพม่าจนหน้าเหลือง
จึงเขียนเรื่องค่ายบางกุ้งให้รุ่งเรือง เพื่อประเทืองใจเราชาวประชา
แล้วสร้างเหรียญมหาราชพิฆาตศึก อึกทึกปลุกเศกอเนกหน้า
นิมนต์พระชื่อดังขลังวิชา           ให้ท่านมานั่งปรกยกพิธี
ทำในโบสถ์บางกุ้งมุ่งให้ขลัง     เพื่อย้อนหลังคร้ังเสด็จมาที่นี่
สร้างเหรียญขึ้นหนึ่งหมื่นฟื้นโยธี เมื่อคราวที่ท่านเสด็จหนึ่งเจ็ดน้ัน
อันค่ายบางกุ้งน้ันทุกวันนี้          จึงกลับมีชีวาขึ้นมาใหม่
กลายเป็นค่ายลูกเสือชาติเชื้อไทย  แทนค่ายใหญ่ของทหารโบราณเดิม  
ค่ายบางกุ้งแห่งนี้ศรีสถาน          เราสร้างศาลเป็นสิ่งสืบมิ่งขวัญ
ศาลพระเจ้าตากสินสิ่งสำคัญ      เราสร้างสรรค์ไว้สำหรับประดับเมือง 




     

วันพฤหัสบดีที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2561

ปุจฉา-วิสัชนา ปริศนาพุทธธรรม ตอน ตะจะกัมมัฎฐาน คืออะไร


ปุจฉา
ตะจะกัมมัฎฐาน คืออะไร

วิสัจชนา

     ตะจะกัมมัฎฐาน คือ กัมมัฎฐาน ๕ อย่างที่พระอุปัชฌาชย์สอนให้พระบวชใหม่ปลงกัมมัฎฐาน คือ 
     เกสา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ  ว่าอนุโลมแล้วว่า ปฎิโลมว่า ตะโจ ทันตา นะขา โลมา เกสา ท่านย่อมาจากอาการ ๓๒ ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนพระอานนท์ก่อนจะได้เป็นพระอรหันต์ให้ท่องว่า 

     ๐ อะยังโข เม กาโย อานันโท           อุทธัง ปาทะตะลา อะโธ
    เกสะมัตตะกา ตะจะ ตะริยันโต           ปุโร นานัปปะการัสสะ 
    อะสุจิโน อัตถิ อิมัสสะมิง กาเย           เกสา โลมา นะขา ทันตา
    ตะโจ มังสัง นะหารู อัฎฐิ อัฎฐิมังชัง วักกัง หะทะยัง ยะกะนัง 
    กิโลมะกัง ปิหะกัง ปัปผาสัง              อันตัง อันตะคุณัง อุทริยัง
    อัสสุ วะสา เขโล สิงฆนิภา        ละสิกา มุตตัง มัตถะเกมัตถะลุงคัง
    อิมัสสะมิง กาเย อะสุภานุปัสสี   วิหะระติ อะยัง วุจจะตานันทะ
    อะสุภะสัญญา ฯ

    นี่คือ  อสุภกัมมัฎฐานที่พระพุทธเจ้าทรงบอกแก่พระอานนท์ในวันที่พระอานนท์ร้องไห้ว่าพระพุทธเจ้านิพพานแล้ว  ใครเล่าจะมาเป็นครูอาจารย์บอกทางนิพพานให้แก่ตน  เสียแรงที่เฝ้าปฎิบัติรับใช้พระพุทธเจ้ามาด้วยความจงรักภักดี คนอื่นบรรลุธรรมกันหมดแล้ว  เหลืออยู่แต่ตนคนเดียว  พระพุทธเจ้าทรงทราบดังนั้น จึงเรียกพระอานน์มาพบแล้วตรัสว่า  ต่อแต่นี้ไปอีก ๓ เดือน พระอานนท์จะบรรลุพระอรหันต์ในวันทำสังคายนาพระไตรปิฎก แล้วบอกพระกัมมัฎฐานบทนี้ให้พระอานนท์ เอาไปทำสังคายนาพระไตรปิฎก แล้วทรงบอกพระกัมมัฎฐานบทนี้ให้ไปท่องภาวนา ครบ ๓ เดือน พระอานนท์ก็บรรลุพระอรหันต์ด้วยปฎิสัมภิทาญาณ สำแดงฤทธิ์เหาะไปนั่งในที่ประชุมสงฆ์ ๔๙๙ องค์ ที่รอพระอานนท์อยู่องค์เดียว  พระอานนท์เข้าไปนั่งในที่นั่งที่เขาจัดรอไว้ อยู่ๆ ก็เข้าไปนั่งโดยไม่มีใครเห็นว่ามาทางไหน  พระอรหันต์ทั้งนั้นจึงทราบแน่ชัดว่า พระอานนท์สำเร็จอรหันต์แล้ว  ไม่มีวิจิกิจฉาเลย 

     พระกัมมัฎฐานที่ทรงสอนพระอานนท์นี้ พระสงฆ์จึงถือเป็นคำสอนพระกัมมัฎฐานที่สำคัญมาก  พากันจดจำไว้สอนพระสงฆ์ที่บวชใหม่ ให้ท่องพระกัมมัฎฐานนี้สืบมาจนทุกวันนี้  เรียกว่า พระอาการ ๓๒ คือร่ายกายเรานี้มีอวัยวะอยู่  ๓๒ อย่างเท่านี้ ประกอบกันเป็นปัจจัยให้เกิดมหาภูติรูป คือว่า ร่างกายเรานี้ แต่ต่อมาท่านย่อให้เหลือ ๕ อย่าง คือ เกสา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ  ท่องอนุโลมปฎิโลม ย้อนขึ้นลงมา เรียกว่า  ตะจะกัมมัฎฐาน หรือ ปัญจะกัมมัฎฐาน