นิทานโบราณกวีนิพนธ์
เรื่อง อินจันแฝดสยาม
ตอนที่ ๓
เรื่อง อินจันแฝดสยาม
ตอนที่ ๓
๐ ฮันเตอร์อยู่เมืองไทยในยามนั้น ได้เป็นชั้นเจ้าคุณจรูญศรี
พระนั่งเกล้าเจ้าตั้งให้อย่างดี ได้เป็นที่โปรดเกล้าฯของเจ้านาย
๐ พระนั่งเกล้านั่นชั้นเจ้าสัว มีเรือสำเภาเข้าไปค้าขาย
รวยมาก่อนเสวยราชย์ชั้นเจ้าชาย มีเงินฝากมากมายในพระคลัง
๐ ใส่ถุงแดงเอาไว้มิใช่ย่อย มีมากมายไม่น้อยหลายหมื่นชั่ง
ใช้สร้างวัดหลายโกฎิไม่หมดคลัง รัชกาลชั้นหลังยังได้ใช้
๐ เมื่อฝรั่งเศสมาเข้าหาเรื่อง ยึดเอาเมืองจันทบุรีเราไปได้
ส่งเรือรบลงมาเข้าในอ่าวไทย จนถึงได้ยิงกันสนั่นกรุง
๐ ก็ได้เงินถุงแดงไปแบ่งห้าม เข้าใช้หนี้สงครามหลายหมื่นถุง
สิ้นพระนั่งเกล้าไทยอีกหลายคุ้ง ไทยต้องยุ่งกับฝรั่งระวังตัว
๐ ฝ่ายนายอินนายจันสำคัญมาก ตั้งรกรากเมืองฝรั่งจนฝังหัว
แปลงชาติเป็นมะริกันเข้าพันพัว เป็นสุขชั่วลูกหลานมานานปี
๐ มีที่ดินถิ่นฐานมีบ้านช่อง มีเงินทองมากครันขั้นเศรษฐี
นายจันมีที่ดินทำกินดี สี่ร้อยยี่สิบห้าเอเคอร์ควร
๐ มีทาสสิบเอ็ดคนไม่จนยาก มีหลายหลากสินทรัพย์นับไม่ถ้วน
มีลูกสิบเอ็ดคนครบจำนวน อาคิเลตเนื้อนวลเป็นขวัญใจ
๐ นายอินมีที่ดินถิ่นสถาน อยู่ประมาณสามร้อยเอเคอร์ได้
มีลูกสิบคนถ้วนจำนวนใน ซ่าร่าห์ได้เคียงคู่อยู่ด้วยกัน
๐ ที่สิบหกมกราเวลาดึก จันรู้สึกกระสับกระส่ายหัวใจสั่น
คอแห้งผากอยากน้ำเป็นสำคัญ ปลุกอินนั้นให้ตื่นลุกขึ้นไป
๐ นั่งผิงไฟในห้องอินต้องฝืน จึงชวนจันนั้นคืนไปนอนใหม่
ตีสี่บุตรนายจันจึงเข้าไป พบพ่อจันสิ้นใจนอนหลับตา
๐นายอินตื่นขี้นมาถามหาพี่ ยังอยู่ดีหรือไรมือไขว่หา
วิลเลี่ยมบอกพ่อตายวายชีวา นายอินว่าเช่นนั้นฉันก็ตาย
๐ เขาดึงจันมากอดตลอดร่าง ร้องไห้พลางคิดไปก็ใจหาย
เขาเหงื่อท่วมตัวทั้งร่างกาย หัวใจวายไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
๐ ที่สิบเจ็ดมกราเขาลาจาก อินจันพรากโลกไปไม่ตายโหง
ถึงตายดีเขาก็เอาไปเข้าโลง ต้องลาโรงละครใหญ่โลกไปลับ
๐ ยี่สิบห้าปีก่อนเขาจรจาก แม่กลองพรากลับไปแล้วไม่กลับ
สามสิบหกถ้วนปีเขาลี้ลับ ควรจะนับเป็นบุรษสุดสำคัญ
๐ เขาฝากชื่อไว้ให้ลือลั่น "นายอินจัน ไซมิสทวิน" นั่น
ทำให้โลกรู้จักร้องทักกัน นามอินจันโด่งดังครั้งกระโน้น
๐ฝรั่งว่าโลกหรือคือโรงละคร แต่ไทยสอนคนเช่นเขาเล่นโขน
ล้วนเต้นวิ่งลิงโลดกระโดดโจน เหมือนลิงโลนเหมือนยักษ์เพราะรัก
ชัง
๐ เมื่อชีพดับลับโลกก็โศกเศร้า ทิ้งชื่อไว้ให้เขาคนข้างหลัง
นั่งสรรเสริญเยินยอเหมือนอยู่ยัง ให้เขานั่งนินทาเหมือนบ้ายอ
๐ ล้วนเวียนว่ายตายเกิดประเดิดประดัก ให้เขารักเขาชังนั่งหัวร่อ
เรื่องนายอินนายจันนั้นก็พอ จะเป็นข้อเตือนจิตสะกิดใจ
๐ เกิดมาในโลกนี้จะดีชั่ว ก็เป็นตัวตนอยู่ครู่ใหญ่ใหญ่
แล้วก็ลาโลกดับล่วงลับไป เหมือนกับไม่เคยเกิดกำเนิดมา
๐ตายไปเป็นอะไรก็ไม่รู้ แต่พระผู้มีพระภาคท่านตรัสว่า
คนเวียนว่ายตายเกิดทุกเวลา เหมือนฝนฟ้าตกใหญ่น้ำไหลพรู
๐ อยู่ในห้วยในหนองในคลองบึง ไหลไปถึงในลำแม่น้ำอยู่
ไหลไปถึงพระสุมทรไกลสุดรู้ เป็นไอสู่ฟากฟ้าทั่วสากล
๐ เป็นเมฆหมอกเป็นน้ำค้างกลางยอดหญ้า เป็นหิมะตกมาเป็นน้ำ
ฝน
ไ่ม่เคยจากภาพพื้นภูวดล ไหลเวียนวนเช่นนี้ล้านปีมา
๐ น้ำระเหยแห้งหายกลายเป็นอื่น แล้วกลับคืนไม่แห้งจากแหล่งหล้า
ถ้าหายไปวันละหยดหมดโลกา แต่น้ำฟ้าไม่เคยหมดเลยไป
๐ เหมือนชีวิตผู้คนเวียนวนอยู่ เกิดแล้วตายไม่รู้ไปอยู่ไหน
แต่พระสัพพัญญูล่วงรู้ไกล เพราะทรงได้ทิพยเนตรเห็นเหตุการณ์
๐ ถ้าพระสัพพัญญูยังอยู่ไซร้ คงชี้ให้เราแจ้งแหล่งสถาน
ที่อินจันไปเกิดกำเนิดนาน อยู่ในบ้านเมืองใดในโลกา
๐พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าสัตว์มนุษย์ ตายแล้วผุดเปลี่ยนหน้าขึ้นมา
ใหม่
เพราะปัจจัยปรุงแต่งจนแจ้งใจ แยกออกได้ใจอย่างกับร่างกาย
๐หนึ่ง"กัมมัง เขตตัง"กรรมตั้งมั่น เป็นเขตขัณฑ์นาไร่สวนทั้งหลาย
สอง"วิญญานัง พีชัง"ดุจดังคล้าย วิญญาณย่อมละม้ายคล้ายพืชพันธุ์
๐สาม"ตัณหัง สิเนโห"คือตัณหา เป็นเสน่ห์อยากเกิดมาในโลกนั่น
เกิดเป็นคนเป็นสัตว์สารพัน ชีวิตนั้นอุบัติด้วยปัจจัย
๐ จนเราลุอรหัตตัดกิเลส จึงสิ้เหตุเกิดกายาขึ้นมาใหญ๋
ใครว่า"ตายสูญ"พ้นอย่าสนใจ ถึงจะใหญ่ยศถาชั้นอาจารย์
๐เป็นมิจฉาทิฎฐิดำริผิด จะจมมิดนรกสิ้นอวสาน
ดำริผิดบาปหนาคนสามานย์ ห้ามสวรรค์นิพพานนามนานมา
๐ มีที่ดินถิ่นฐานมีบ้านช่อง มีเงินทองมากครันขั้นเศรษฐี
นายจันมีที่ดินทำกินดี สี่ร้อยยี่สิบห้าเอเคอร์ควร
๐ มีทาสสิบเอ็ดคนไม่จนยาก มีหลายหลากสินทรัพย์นับไม่ถ้วน
มีลูกสิบเอ็ดคนครบจำนวน อาคิเลตเนื้อนวลเป็นขวัญใจ
๐ นายอินมีที่ดินถิ่นสถาน อยู่ประมาณสามร้อยเอเคอร์ได้
มีลูกสิบคนถ้วนจำนวนใน ซ่าร่าห์ได้เคียงคู่อยู่ด้วยกัน
๐ ที่สิบหกมกราเวลาดึก จันรู้สึกกระสับกระส่ายหัวใจสั่น
คอแห้งผากอยากน้ำเป็นสำคัญ ปลุกอินนั้นให้ตื่นลุกขึ้นไป
๐ นั่งผิงไฟในห้องอินต้องฝืน จึงชวนจันนั้นคืนไปนอนใหม่
ตีสี่บุตรนายจันจึงเข้าไป พบพ่อจันสิ้นใจนอนหลับตา
๐นายอินตื่นขี้นมาถามหาพี่ ยังอยู่ดีหรือไรมือไขว่หา
วิลเลี่ยมบอกพ่อตายวายชีวา นายอินว่าเช่นนั้นฉันก็ตาย
๐ เขาดึงจันมากอดตลอดร่าง ร้องไห้พลางคิดไปก็ใจหาย
เขาเหงื่อท่วมตัวทั้งร่างกาย หัวใจวายไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
๐ ที่สิบเจ็ดมกราเขาลาจาก อินจันพรากโลกไปไม่ตายโหง
ถึงตายดีเขาก็เอาไปเข้าโลง ต้องลาโรงละครใหญ่โลกไปลับ
๐ ยี่สิบห้าปีก่อนเขาจรจาก แม่กลองพรากลับไปแล้วไม่กลับ
สามสิบหกถ้วนปีเขาลี้ลับ ควรจะนับเป็นบุรษสุดสำคัญ
๐ เขาฝากชื่อไว้ให้ลือลั่น "นายอินจัน ไซมิสทวิน" นั่น
ทำให้โลกรู้จักร้องทักกัน นามอินจันโด่งดังครั้งกระโน้น
๐ฝรั่งว่าโลกหรือคือโรงละคร แต่ไทยสอนคนเช่นเขาเล่นโขน
ล้วนเต้นวิ่งลิงโลดกระโดดโจน เหมือนลิงโลนเหมือนยักษ์เพราะรัก
ชัง
๐ เมื่อชีพดับลับโลกก็โศกเศร้า ทิ้งชื่อไว้ให้เขาคนข้างหลัง
นั่งสรรเสริญเยินยอเหมือนอยู่ยัง ให้เขานั่งนินทาเหมือนบ้ายอ
๐ ล้วนเวียนว่ายตายเกิดประเดิดประดัก ให้เขารักเขาชังนั่งหัวร่อ
เรื่องนายอินนายจันนั้นก็พอ จะเป็นข้อเตือนจิตสะกิดใจ
๐ เกิดมาในโลกนี้จะดีชั่ว ก็เป็นตัวตนอยู่ครู่ใหญ่ใหญ่
แล้วก็ลาโลกดับล่วงลับไป เหมือนกับไม่เคยเกิดกำเนิดมา
๐ตายไปเป็นอะไรก็ไม่รู้ แต่พระผู้มีพระภาคท่านตรัสว่า
คนเวียนว่ายตายเกิดทุกเวลา เหมือนฝนฟ้าตกใหญ่น้ำไหลพรู
๐ อยู่ในห้วยในหนองในคลองบึง ไหลไปถึงในลำแม่น้ำอยู่
ไหลไปถึงพระสุมทรไกลสุดรู้ เป็นไอสู่ฟากฟ้าทั่วสากล
๐ เป็นเมฆหมอกเป็นน้ำค้างกลางยอดหญ้า เป็นหิมะตกมาเป็นน้ำ
ฝน
ไ่ม่เคยจากภาพพื้นภูวดล ไหลเวียนวนเช่นนี้ล้านปีมา
๐ น้ำระเหยแห้งหายกลายเป็นอื่น แล้วกลับคืนไม่แห้งจากแหล่งหล้า
ถ้าหายไปวันละหยดหมดโลกา แต่น้ำฟ้าไม่เคยหมดเลยไป
๐ เหมือนชีวิตผู้คนเวียนวนอยู่ เกิดแล้วตายไม่รู้ไปอยู่ไหน
แต่พระสัพพัญญูล่วงรู้ไกล เพราะทรงได้ทิพยเนตรเห็นเหตุการณ์
๐ ถ้าพระสัพพัญญูยังอยู่ไซร้ คงชี้ให้เราแจ้งแหล่งสถาน
ที่อินจันไปเกิดกำเนิดนาน อยู่ในบ้านเมืองใดในโลกา
๐พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าสัตว์มนุษย์ ตายแล้วผุดเปลี่ยนหน้าขึ้นมา
ใหม่
เพราะปัจจัยปรุงแต่งจนแจ้งใจ แยกออกได้ใจอย่างกับร่างกาย
๐หนึ่ง"กัมมัง เขตตัง"กรรมตั้งมั่น เป็นเขตขัณฑ์นาไร่สวนทั้งหลาย
สอง"วิญญานัง พีชัง"ดุจดังคล้าย วิญญาณย่อมละม้ายคล้ายพืชพันธุ์
๐สาม"ตัณหัง สิเนโห"คือตัณหา เป็นเสน่ห์อยากเกิดมาในโลกนั่น
เกิดเป็นคนเป็นสัตว์สารพัน ชีวิตนั้นอุบัติด้วยปัจจัย
๐ จนเราลุอรหัตตัดกิเลส จึงสิ้เหตุเกิดกายาขึ้นมาใหญ๋
ใครว่า"ตายสูญ"พ้นอย่าสนใจ ถึงจะใหญ่ยศถาชั้นอาจารย์
๐เป็นมิจฉาทิฎฐิดำริผิด จะจมมิดนรกสิ้นอวสาน
ดำริผิดบาปหนาคนสามานย์ ห้ามสวรรค์นิพพานนามนานมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น