วันพุธที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2557

โสฬสคุรุธรรม "ธรรมะ ๑๖ ข้อของครู" โดยนายเทพ สุนทรศารทูล










โสฬสคุรุธรรม

หนังสือ "โสฬสคุรุธรรม"  ธรรมะ ๑๖ ข้อของครู  
เขียนโดยนายเทพ สุนทรศารทูล ผู้มีประสบการณ์ทางการศึกษามากว่า ๔๐ ปีเศษ


 
                                                     โดย
                                              

                                             เทพ  สุนทรศารทูล

คำนำ

โสฬสคุรุธรรม หรือ  "ธรรมะ ๑๖ ข้อของครู" 
 เขียนไว้ตั้งแต่พ.ศ. ๒๕๒๕  เมื่อสมัยเป็นผู้นำครูในจังหวัดสมุทรสงคราม  
มีสิ่งบรรดาลดลใจให้ครุ่นคิดถึงปัญหาที่จะยกระดับวิญญาณครูให้สูงขึ้น  จึงเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา  

มันอาจเป็นอุดมคติ  มันอาจเป็นความฝันอันสูงสุด ที่อยากเห็นครูเป็นผู้นำทางภูมิปัญญาของสังคม 


ข้าพเจ้าเคยพูดกับบรรดาครูในที่ประชุมว่า 

"ครูคือนักรบแห่งกองทัพธรรม  ที่กำลังรณรงค์อยู่ในสนามรบ  
ทำการยึดพื่้นที่อยู่ในประเทศไทยทุกตารางนิ้ว  เพื่อเอาชนะข้าศึกศัตรูของชาติ ๗ ประเภท  คือ

๑.ความไม่รู้
๒.ความยากไร้
๓.ความป่วยไข้
๔.ความอ่อนแอ
๕.อาชญากร
๖.กรรมกรว่างเปล่า
๗.สาวโสเภณี


บุคคลที่มีหน้าที่แก้ไขหรือสู้รบกับศัตรู ของชาติ ๗ ประเภทนี้  
ข้าพเจ้ามองไปทั่วทิศ ยังมองไม่เห็นบุคคลใด นอกจากครู  
บุคคลอื่นแม้จะมีหน้าที่โดยตรงหรือโดยอ้อม แต่ก็ไม่ได้รับความเคารพเชื่อถือจากชาวบ้านเท่าครู    


แต่ไม่มีใครเห็นความสำคัญของครู แม้ผู้บังคับบัญชาของครู 
หรือตัวครูเอง  ก็ไม่เห็นว่าตัวมีหน้าที่อันสำคัญอย่างสูงนี้เลยก็ว่าได้

ในที่สุดตัวครูเองก็เบื่อหน่ายท้อถอยหมด แรงกายแรงใจไปเกือบทุกคน  
หันมายื้อแย่งแข่งขันกันในทางทีไม่จีรังยั่งยืนแก่ทั่้งตัวเองและสังคมครู   
หนักเข้าครูก็เสือมเกียรติภูมิลง 
จนในที่สุดก็กลายเป็น "ผักตบชะวา"  ที่ลอยไปลอยมาในน้ำ


จำนวนครูที่มีอยู่มากมายทุกหัวระแหง ก็กลายเป็นบุคคลไร้ความหมาย 
ทั้งนี้เพราะตัวของครูเองก็เหนื่อยหน่ายในอาชีพของตนเอง  
มองเห็นตนเองเป็นบุคคลไร้ค่า 
อย่างนี้แล้วจะให้ใครมายกย่องให้เกียรติครูเล่า


ผู้บังคับบัญชา  ผู้ปกครองครู ผู้นำครูก็ไม่เคยยกย่องให้เกียรติครู  
ไม่เคยปลุกสำนึกให้ครูมีมิ่งขวัญขีันมา  

ข้าพเจ้ามองเห็นปัญหานี้แจ่มแจ้งชัดเจน  
จึงได้พากเพียรเขียนหนังสือนี้ขึ้นมา จากความรู้สึกก้นบึ้งแห่งหัวใจ  
แม้ว่าข้าพเจ้าจะเป็นผู้นำครูในวงแคบเพียงจังหวัดเดียว  มีครูในปกครองไม่ถึง ๓๐๐๐ คน


นี่คือที่ของการเขียนเรื่องนี้ 
มันอาจจะเป็นแสงหิ่งห้อยน้อยๆที่ส่องแสงประกายวาบออกมาในราตรีกาลที่มืดสนิท ก็เป็นได้ 

ขอให้บัณฑิตพินิจพิจารณาเอาเองว่า  
มันเป็นความฝันอันบรรเจิด หรือความฝันอันเพ้อเจ้อ 

แต่มันเป็นความฝันอันสูงสุดของข้าพเจ้า 
จากดวงใจอันเจตนาดีและบริสุทธิ์ ต่อวงการอาชีพครูของข้าพเจ้า


ข้าพเจ้าจะมีความยินดีและปลามปลื้มใจมาก  
ถ้าหากว่าจะมีคนเห็นดีเห็นชอบด้วย แล้วปฎิบัติตามอุดมคตินี้

 เทพ สุนทรศารทูล


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น